ข้อบ่งใช้
ยา โคลนิดีน ใช้สำหรับ
ยา โคลนิดีน (Clonidine) ใช้เป็นยาชนิดเดียวหรือใช้ร่วมกับยาอื่น เพื่อรักษาภาวะความดันโลหิตสูง (hypertension) การลดระดับความดันโลหิตที่เพิ่มสูง จะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจขาดเลือดฉับพลัน และปัญหาเกี่ยวกับไต ยา โคลนิดีน นั้นอยู่ในกลุ่มของยาเซนทรัลอัลฟ่าอะโกนิสต์ (central alpha agonists) ส่งผลต่อสมองเพื่อลดระดับความดันโลหิต ยา โคลนิดีน นี้ทำงานโดยการผ่อนคลายหลอดเลือดทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
ยานี้ยังอาจใช้สำหรับโรคสมาธิสั้น (attention deficit hyperactivity disorder) สำหรับอาการร้อนวูบวาบ (hot flashes) ที่เกิดขึ้นในวัยหมดประจำเดือน (menopause) สำหรับอาการถอนยาแก้ปวดแบบเสพติด และเพื่อช่วยในการเลิกบุหรี่
วิธีการใช้ยาโคลนิดีน
ใช้ยาโคลนิดีนตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด ควรทำตามแนวทางบนฉลากยาที่กำหนด ในบางครั้งแพทย์อาจต้องเปลี่ยนขนาดยาเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับผลดีที่สุด อย่าใช้ยาในขนาดที่มากกว่า น้อยกว่า หรือนานกว่าที่กำหนด
รับประทานยาโคลนิดีนในตอนเช้าและก่อนนอน หากคุณใช้ยาในขนาดที่แตกต่างกัน ควรรับประทานยาขนาดที่มากกว่าในตอนก่อนนอน
ยาโคลนิดีนสามารถรับประทานพร้อมกับอาหารหรือแยกต่างหากได้
อย่าใช้ยาโคลนิดีนสองรูปแบบในคราวเดียวกัน ยานี้ยังมีรูปแบบแผ่นแปะซึมเข้าผิวหนังอีกด้วย
อย่าบด เคี้ยว หรือหักยาออกฤทธิ์นาน กลืนยาทั้งเม็ด แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณมีปัญหากับการกลืนยาทั้งเม็ด
หากคุณจำเป็นต้องผ่าตัด แจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบก่อนล่วงหน้าว่า คุณกำลังใช้ยาโคลนิดีน คุณอาจต้องหยุดใช้ยานี้ในระยะสั้นๆ
อย่าหยุดใช้ยาโคลนิดีนอย่างกะทันหัน ไม่เช่นนั้นจะมีอาการถอนยาที่ไม่พึงประสงค์ โปรดสอบถามแพทย์ถึงวิธีการหยุดใช้ยาอย่างปลอดภัย
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณมีอาการป่วยหรืออาเจียน อาการป่วยระยะยาวอาจทำให้ร่างกายของคุณดูดซึมยาได้ยากขึ้น และอาจนำไปสู่อาการถอนยา โดยเฉพาะเด็กที่กำลังใช้ยาโคลนิดีน
หากคุณกำลังรักษาภาวะความดันโลหิตสูง ควรใช้ยานี้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าคุณจะรู้สึกเป็นปกติ ภาวะความดันโลหิตสูงนั้นมักจะไม่มีอาการ และคุณอาจต้องใช้ยาสำหรับความดันโลหิตสูงไปตลอดชีวิต
การเก็บรักษายาโคลนิดีน
ยาโคลนิดีนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาโคลนิดีนบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งยาโคลนิดีนลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาโคลนิดีน
โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาโคลนิดีน หาก
- คุณกำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากในช่วงที่คุณกำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
- คุณกำลังใช้ยาอื่นอยู่ รวมทั้งยาที่หาซื้อได้เอง เช่น สมุนไพรหรือยาทางเลือกอื่นๆ
- คุณแพ้สารออกฤทธิ์หรือไม่ออกฤทธิ์ ของยาโคลนิดีนหรือยาอื่นๆ
- คุณมีอาการป่วย มีความผิดปกติ หรือมีสภาวะทางการแพทย์อื่นๆ
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยงก่อนใช้ยานี้
ยาคีโตโรแลคจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา มีดังนี้
- A = ไม่มีความเสี่ยง
- B = ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C = อาจจะมีความเสี่ยง
- D = มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X = ห้ามใช้
- N = ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาโคลนิดีน
เข้ารับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันที หากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น
- หัวใจเต้นเร็วหรือรัว
- หัวใจเต้นช้ามาก (น้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที)
- รู้สึกหายใจไม่อิ่ม แม้แต่จากการออกกำลังกายเพียงเล็กน้อย
- บวม น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว
- สับสน มองเห็นภาพหลอน
- เป็นไข้ ผิวซีด
- ปัสสาวะน้อยกว่าปกติหรือไม่ปัสสาวะเลย
- ชา หรือรู้สึกเย็นที่มือหรือเท้า
- รู้สึกเหมือนจะหมดสติ
- มีอาการระคายเคืองที่ผิวหนังอย่างรุนแรง รอยแดง บวม แสบร้อน หรือแผลพุพองในบริเวณที่แปะแผ่นยา
ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่า มีดังนี้
- รู้สึกวิงเวียน ง่วงซึม เหนื่อยล้า หรือกังวลใจ
- ปากแห้ง
- ตาแห้งหรือแสบร้อนที่ดวงตา มองเห็นไม่ชัด
- ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ
- คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก เบื่ออาหาร
- นอนไม่หลับ
- ปัสสาวะมากในตอนกลางคืน
- ผดผื่นผิวหนังในระดับเบาหรือคัน
- ความต้องการทางเพศลดลง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
- ผดผื่นผิวหนัง ผิวเปลี่ยนสี หรือระคายเคืองในระดับเบาตรงบริเวณที่แปะแผ่นยา
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาโคลนิดีนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยาโคลนิดีน ได้แก่
- ยาสำหรับโรคหัวใจหรือความดันโลหิตอื่นๆ
- ยาต้านซึมเศร้า
- ยาอื่นๆ ที่มียาโคลนิดีน
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาโคลนิดีนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาโคลนิดีนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
โรคที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ ได้แก่
- ภาวะหัวใจเต้นช้า (Bradycardia)
- โรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจอุดตัน (Coronary insufficiency)
- ภาวะขาดน้ำ (Dehydration)
- หัวใจขาดเลือดฉับพลัน (Heart attack)
- สัญญาณไฟฟ้าหัวใจปิด (Heart block)
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- ปัญหาเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจ
- ภาวะความดันโลหิตต่ำ (Hypotension)
- โรคไต
- ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือลำไส้
- โรคหลอดเลือดสมอง
- หมดสติ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาโคลนิดีนสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- ขนาดยาเริ่มต้น (รับประทาน) : 0.1 ไม่โครกรัม รับประทานวันละสองครั้ง (เช้าและเย็น)
- ขนาดยาปกติ : แบ่งให้ยา 0.2 ถึง 0.6 มก./วัน
- ขนาดยาเริ่มต้น (แผ่นแปะยา) : ยาโคลนิดีน ทีทีเอส-1 (TTS-1) (0.1 มก./24 ชั่วโมง) แปะยาสัปดาห์ละครั้ง
- ขนาดยาปกติ : หากผ่านไป 1 ถึง 2 สัปดาห์แล้ว ระดับความดันโลหิตยังไม่ลดลงไปในระดับที่ต้องการ ให้เพิ่มขนาดยา โดยการเพิ่มแผ่นฟิล์มทีทีเอส-1 อีกหนึ่งแผ่น หรือเปลี่ยนไปใช้ยาที่ขนาดมากกว่า
- การเพิ่มขนาดยามากกว่ายาโคลนิดีน ทีทีเอส-3 2 แผ่น มักจะไม่มีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
ยาเม็ดออกฤทธิ์นาน
- ขนาดยาเริ่มต้น : 0.17 มก. รับประทานวันละครั้งก่อนนอน อาจเพิ่มขนาดยามากขึ้น 0.09 มก. รับประทานวันละครั้งในช่วงสัปดาห์หากจำเป็น เพื่อให้ได้การตอบสนองที่ต้องการ
- ขนาดยาปกติ : 0.17 มก. ถึง 0.52 มก. รับประทานวันละครั้งก่อนนอน
ยาแขวนตะกอนสำหรับรับประทานออกฤทธิ์นาน
- ขนาดยาเริ่มต้น : 0.17 มก. (2 มล.) รับประทานวันละครั้งก่อนนอน อาจเพิ่มขนาดยามากขึ้น 0.09 มก. (1 มล.) รับประทานวันละครั้งในช่วงสัปดาห์หากจำเป็น เพื่อให้ได้การตอบสนองที่ต้องการ
- ขนาดยาปกติ : 0.17 มก. ถึง 0.52 มก. รับประทานวันละครั้งก่อนนอน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการปวด
หยอดยาเข้าทางไขสันหลังอย่างต่อเนื่อง
- ขนาดยาเริ่มต้น : 30 ไมโครกรัม/ชั่วโมง
- อาจปรับขนาดยาเพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับการบรรเทาอาการปวดและอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้น
- ขนาดยาสูงสุด : 40 ไมโครกรัม/ชั่วโมง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อการวินิจฉัยเนื้องอกต่อมหมวกไตชนิดฟีโอโครโมไซโตมา (Pheochromocytoma)
- 0.3 มก. รับประทานหนึ่งครั้ง ยาโคลนิดีนนั้นแนะนำให้ใช้ต่อ เมื่อมีการการตรวจหาระดับพลาสมาแคททีโคลามีน (plasma catecholamines) ขั้นต้นแล้ว สามารถนำตัวอย่างขั้นต้นสองตัวอย่างที่ได้รับห่างกัน 5 นาทีจากสายฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำที่มีอยู่ หลังจากที่ผู้ป่วยนอนหงายนานกว่า 90 นาที (การสอดเข็มใหม่เพิ่มอาจจะเพิ่มความเข้มข้นของแคททีโคลามีน และทำให้ผลไม่ถูกต้องได้)
- หลังจากให้ยาโคลนิดีนในขนาดเริ่มต้น อาจมีการนำตัวอย่างเลือดเพิ่มเติม 3 ครั้งเพื่อวัดระดับความเข้มข้นของพลาสม่าแคททีโคลามีน
- โดยปกติแล้ว ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูง และเนื้องอกต่อมหมวกไตชนิดฟีโอโครโมไซโตมานั้น จะไม่มีการลดลงของความเข้มข้นของพลาสม่าแคททีโคลามีนหลังจากการทดสอบการกด (suppression test) แต่ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงแต่ไม่มีเนื้องอกต่อมหมวกไตชนิดฟีโอโครโมไซโตมานั้น จะมีการลดลงของความเข้มข้นของพลาสม่าแคททีโคลามีน เคยมีรายงานผลการตรวจลบเป็นเท็จ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะความดันโลหิตฉุกเฉิน
- 0.2 มก. รับประทานหนึ่งครั้ง อาจให้ยาเพิ่มขึ้นอีก 0.1 มก. หากจำเป็นและสามารถทนได้ให้ทุกๆ ชั่วโมงเพื่อควบคุมความดันโลหิต ควรรับทราบถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจขาดเลือดฉับพลัน หรือปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลดลงของความดันโลหิตที่รุนแรง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ขนาดยาโดยรวมต่อวันสูงสุดที่แนะนำสำหรับกรณีภาวะความดันโลหิตสูงฉุกเฉินใดๆ คือ 0.8 มก.
- รายงานทางการแพทย์บางฉบับรายงานถึง ผลการลดความดันที่ไม่มีในผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง เนื่องจากยานี้ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลางเพื่อยับยั้งการทำงานของระบบประสาทรอบนอกและผู้ป่วยเหล่านี้จะมีระบบประสาทส่วนกลางและระบบประสาทรอบนอกที่ยุ่งเหยิง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อการเลิกสุรา
- 0.1 มก. รับประทานวันละสองครั้งหรือแผ่นแผะยาซึมผ่านผิวหนังทีทีเอส-1 (TTS-1) (0.1 มก.) สัปดาห์ละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการวิตกกังวล (Anxiety)
- 0.1 มก. รับประทานวันละสองครั้งหรือแผ่นแผะยาซึมผ่านผิวหนังทีทีเอส-1 (TTS-1) (0.1 มก.) สัปดาห์ละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อเพื่อการถอนยาเบนโซไดอะซีปีน (Benzodiazepine)
- 0.1 มก. รับประทานวันละสองครั้งหรือแผ่นแผะยาซึมผ่านผิวหนังทีทีเอส-1 (TTS-1) (0.1 มก.) สัปดาห์ละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันโรคไมเกรน
- 0.1 มก. รับประทานวันละสองครั้งหรือแผ่นแผะยาซึมผ่านผิวหนังทีทีเอส-1 (TTS-1) (0.1 มก.) สัปดาห์ละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการระยะก่อนหมดประจำเดือน (Perimenopausal Symptoms)
- 0.1 มก. รับประทานวันละสองครั้งหรือแผ่นแผะยาซึมผ่านผิวหนังทีทีเอส-1 (TTS-1) (0.1 มก.) สัปดาห์ละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อการเลิกบุหรี่
- 0.1 มก. รับประทานวันละสองครั้งหรือแผ่นแผะยาซึมผ่านผิวหนังทีทีเอส-1 (TTS-1) (0.1 มก.) สัปดาห์ละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder)
- 0.1 มก. รับประทานวันละสองครั้งหรือแผ่นแผะยาซึมผ่านผิวหนังทีทีเอส-1 (TTS-1) (0.1 มก.) สัปดาห์ละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อการถอนยาเข้าฝิ่น (Opiate)
- 0.2 มก. รับประทานวันละสองครั้งหรือแผ่นแผะยาซึมผ่านผิวหนังทีทีเอส-2 (0.2 มก.) สัปดาห์ละครั้ง
ขนาดยาโคลนิดีนสำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Disorder):
อาจใช้เป็นยาชนิดเดียวหรือใช้เสริมในยากระตุ้น
ออกฤทธิ์ทันที (นอกฉลาก)
เด็กน้ำหนักน้อยกว่าหรือเท่ากับ 45 กก.
- ขนาดยาเริ่มต้น : 0.05 มก. รับประทานก่อนนอน เพิ่มอย่างต่อเนื่องทุกๆ 3 ถึง 7 วันในขนาด 0.05 มก. เพิ่ม 2 ครั้งต่อวัน แล้วตามด้วย 3 ครั้งต่อวัน แล้ว 4 ครั้งต่อวัน
- ขนาดยาปกติ : สำหรับผู้ป่วยที่น้ำหนัก 27 ถึง 40.5 กก. รับประทาน 0.2 มก./วัน สำหรับผู้ป่วยที่น้ำหนัก 40.5 ถึง 45 กก. รับประทาน 0.3 มก./วัน
- เมื่อจะหยุดการรักษา ควรค่อยๆ ลดขนาดยาลงมา 1 ถึง 2 สัปดาห์
เด็กน้ำหนักมากกว่า 45 กก.
- ขนาดยาเริ่มต้น : 0.1 มก. รับประทานก่อนนอน เพิ่มอย่างติดต่อกันทุกๆ 3 ถึง 7 วันในขนาด 0.1 มก. เพิ่ม 2 ครั้งต่อวัน แล้วตามด้วย 3 ครั้งต่อวัน แล้ว 4 ครั้งต่อวัน
- ขนาดยาสูงสุด : 0.4 มก./วัน
- เมื่อจะหยุดการรักษา ควรค่อยๆ ลดขนาดยาลงมา 1 ถึง 2 สัปดาห์
ยาออกฤทธิ์นาน ยาคัปวา (Kapva {R})
เด็กอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 6 ปี
- ขนาดยาเริ่มต้น : 0.1 มก. รับประทานก่อนนอน แล้วเพิ่มขึ้น 0.1 มก./วัน ทุกๆ 7 วันจนกว่าจะได้การตอบสนองที่ต้องการ ควรให้ยาวันละสองครั้ง (อาจจะแบ่งยาเท่ากันหรือให้ยาในขนาดที่สูงกว่าก่อนนอน)
- ขนาดยาสูงสุด : 0.4 มก./วัน
- หมายเหตุ : ยังไม่มีการประเมินการรักษาที่นานกว่า 5 สัปดาห์
- เมื่อจะหยุดการรักษา ควรค่อยๆ ลดขนาดยาลงมาในขนาดที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.1 มก. ทุกๆ 3 ถึง 7 วัน
- ยาซึมผ่านเข้าผิวหนัง : เด็กอาจเปลี่ยนมาใช้ยาแบบซึมเข้าผิวหนังหลังจากใช้ยาแบบรับประทานเป็นการปรับขนาดยาเพื่อให้ได้ขนาดยาที่ดีที่สุดและเสถียร เคยมีการใช้ยาซึมผ่านเข้าผิวหนังในขนาดยาเท่าๆ กับขนาดยาโดยรวมของยาแบบรับประทานทั้งหมด
- ขนาดของยาโคลนิดีนแบบออกฤทธิ์นานอาจให้เป็นยาชนิดเดียวหรือเป็นยาเสริมสำหรับยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้น ควรมีความแตกต่างตามแต่ละบุคคลโดยขึ้นอยู่กับความต้องการในการรักษาและการตอบสนองของผู้ป่วย ควรเริ่มต้นขนาดยาที่ยาเม็ด 0.1 มก. หนึ่งเม็ดก่อนนอน และควรมีการปรับขนาดยาของแต่ละวันโดยเพิ่ม 0.1 มก./วัน ทุกสัปดาห์จนมีการตอบสนองตามที่ต้องการ อาจรับประทานยาวันละสองครั้งโดยรับประทานในขนาดยาที่เท่ากันหรือรับประทานยาขนาดที่มากกว่าก่อนนอน
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ด
- ยาแขวนตะกอน
กรณีฉุกเฉินหรือการใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]